Monday, January 5, 2009

หริภุญไชย ๑๐ วัน(๒)

 
นั่นคือการเริ่มนำเรื่องด้วยการแนะให้จักกับ target หรือ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ หรือ กลุ่มเป้าหมาย หากจะอ้างอิงภาษาทางด้าน bsc กัน

เมื่อเริ่มกันที่ หริภุญไชย ก็ง่ายในการที่จะปักหมุด ตัวบุคคล และ เวลา

ราวๆต้นปีที่แล้ว หรือ ปลายปีก่อนปีที่แล้ว ต่อต้นปีที่ผ่านมานี้, ๒๕๕๑, รัฐสภา เขาได้จัดค่ายวรรณกรรมประชาธิปไตยขึ้นมา ทำให้ได้มีโอกาสได้รู้จักกับนักเขียนเรืองนามท่านหนึ่ง จาก หริภุญไชย เธอเป็นนักประพันธ์ตัวเล็กๆ มีอาชีพอื่นแล้ว เธอบอกมาอย่างนั้น จะเป็นอะไรก็สุดจะคาดเดา แต่คงไม่พ้นบุพพกรรม ที่เป็นเหตุให้ได้รู้จักกันเป็นที่สุด

ไหมพรม

มาในปีนี้ แม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่งานค่ายวรรณกรรมยังคงดำเนินต่อไป แต่กลับเริ่มไวกว่าปีก่อนนู้น และพอดี มาเผอิญคาบเกี่ยว กันกับ งานกีฬาสี ของ สทน. เข้า ก็เลยมีบันทึกเรื่องราวระทึกขวัญ ประทับใจนี้ขึ้นมา

๒๔ ธ.ค คริ้สมัสอี้ฝ วันดี ที่คู่สมรสหลายคู่ถือโอกาสจัดงาน เลยฉกฉวยโอกาสเป็นแขกร่วมรับเชิญ สำหรับคู่บ่าวสาวน่ารักคู่หนึ่ง ที่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เจ้าบ่าว รึ เจ้าสาวกันแน่ ที่ได้ฉายาว่า กระต่ายเรียกพี่ กับ เต่าเรียกลุง แต่ว่า น่ารักทั้งคู่เลย
๒๖ ธ.ค วันศุกร์สิ้นปี วันดี กีฬาสี สทน. ซึ่ง มะไฟ มีโอกาสเข้าร่วมเล่นเกมส์ กับเพื่อนร่วมงานได้โดยไม่ขัดเขิน หรือ เกี่ยงงอนเรื่อง อายุอานามว่า ใครจะน้อย ใครจะมาก ซึ่งจะว่าไปตามหลักการแล้ว มะไฟ อายุน้อยกว่าเขาเหล่านั้นอยู่บ้าง แม้จะยังไม่ถึงขั้นเทียบชั้นเข้าลำดับทำเนียบ ฅนอายุน้อย ก็ตามที ก็เลยสนุกสนานกับเขาได้เต็มที่

มี ๒ เกมส์ ที่เล่นกับพี่ๆเขาไปโดยไม่รู้เรื่อง ล่าจารชน ที่โดนมอมแป้ง ซะขาวว้อกไปทั้งหน้า ตลอดหัวหู แต่ไม่ถึงคอ เพราะไม่ใช่ core team สมาชิกท่านอื่นในกลุ่ม เขารู้แกว พอรู้ว่าจะโดน ก็พากันหมุบหัวลง มะไฟ คนซื่อ ตีหน้าเหรอหรายืนเซ่อคนเดียว เลยโดนไปเต็มๆ ถึงได้รู้ เลยหดหัวลงตามเพื่อนๆไป
สักพัก รู้สึกว่ากรจู่โจมจะซาลง จึงค่อยๆโหม่หัวยื่นหน้าขึ้นมา มองซ้ายมองขวา ไม่มีใคร เลยทะลึ่งพรวดมาครึ่งตัว ตานี้แหละ ถึงได้รู้ว่า ระเบิดปรมาณู ๒ ลูกที่ ฮิโรซิมา กับ นางาซาหงิ โดนก็คงไม่น้อยไปกว่านี้หรอก

ทั้งน้ำ ทั้งมือ ทั้งแป้ง ทั้งเสียงขู่คำราม
ก็ว่าจะย่อตัว ผลุปหัวลงไป กลับโดนสาดล่างดักไว้

ขวัญระทึกได้โดยไม่ต้องจ่ายตัง จำไว้จำไว้ ปีหน้าฟ้าใหม่ จะไปตั้งหลักแล้วกลับมาเอาคืน {foot notes คติของ ไหมพรม เธอบอกว่า ไม่ยอมงอ ไม่ยอมหัก แต่จะถอยไปตั้งหลักแล้วกลับมาเอาคืน}

เกมส์ที่ ๒ ตัวประกัน งานนี้ ได้พิสูจน์ใจของ กระต่ายเรียกพี่ เต่าเรียกลุง เพราะโชคชะตาเล่นกลเอารึอย่างไรไม่ทราบ ที่ทำให้คู่บ่าวสาวเพิ่งแต่งงนต้องมาเล่นเกมส์นี้ ฝ่ายชายนั่งบนเก้าอี้ โดยฝ่ายหญิงต้องเอาผ้ามัดขาชายติดเก้าอี้ไว้ ทำนองว่า อย่าหนีไปไหนน่ะ ถ้าหากลูกทีมทายไม่ถูก เป็นโดนแน่ ซึ่งก็ยังกับเทพยุดาเบื้องบนจะเป็นใจ ทายไม่ถูก
งานนี้ฝ่ายหญิงถึงกับยกมือไหว้ปะลกๆขอโทษขอโพยฝ่ายชาย แล้วตัดใจ จุด(ประทัด) ระเบิด(ตัวประกัน)ทิ้งไปเสีย
ทั้งคู่ เล่นได้สมบทบาทมาก แม้จะนอกบทไปบ้าง take ซ้ำหลายหนไปหน่อย แต่ก็ทำเอาผู้ชมน้ำตาคลอเบ้า สงสารน่ะ

เลิกงานค่ำนั้น ออกจากองค์รักษ์ได้ ตรงดิ่งไปค้างที่เกาะเกร็ด ก็โชคดีได้พบกับ กำนันม่อย ท่านลงเรือที่ท่าน้ำปากเกร็ด รู้จักได้โดยบังเอิญ ท่านถามว่าจะไปพักที่ไหน อย่างไร ถามซ้ำๆอยู่นั่น
ความที่พูดไม่เป็นหนึ่ง กับ ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าถิ่นเข้า และก็ความที่ เราก็ไม่รู้ด้วยว่า จะไปพักที่ไหนบนเกาะ รู้แต้ว่าเจ้าของที่พักโอมสเตย์มีชื่อนั้นๆ ก็บอกท่านไปว่า

ไม่รู้เหมือนกันครับ
ไม่รู้ครับ

ตอบท่านอยู่นั่นแหละ ท่านก็ถามอยู่นั่นแหละ กระทั้งลงเรือแล้ว ท่านถึงบอกว่าเป็นกำนัน แลเพิ่งกลับจากงานกำนัน อบต. ทั่วประเทศจัดขึ้นที่บ้านโฮ่ง ลำพูน ถึงได้เอะใจ และบอกว่า นี่ก็จะขึ้นไปลำพูนเหมือนกัน แต่ค่ำวันพรุก คืนนี้ขอมาพักที่เกาะเกร็ดก่อน

ก็โน่นแหละ ท่านจ่ายค่าโดยสารให้ ถึงได้รู้ว่าเจอท่านกำนันม่อย ที่เอ่ยๆมาสักครู่นี้แหละ เลยบอกท่านไปว่าเราทำงานที่ สทน. เพิ่งกลับจากงานกีฬาสีที่องค์รักษ์ ฯลฯ

สทน. หวังว่าคงได้รับการต้อนรับจากกำนันท่านในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน และเช่นกัน สทน. ก็ยินดีต้อนรับกำนันรวมทั้งลูกบ้านทุกคน หากมีสิ่งใดให้ช่วย โปรดอย่ารีรอ รีบบอกมาโดยไม่ต้องเกรงใจกัน

ขึ้นท่าเย็นฤดีแล้ว ยกมือไหว้ขอบคุณท่านงามงามตรงท่านั้นเลย

ค่ำคืนนั้น เย็นใจสบายกายกับโอมสเตย์ที่เกาะเกร็ดด้วยบารมีของกำนันม่อย ที่ท่านส่งถึงที่จนได้พบกับ ไหมพรมและเพื่อนนักเขียนชาวลำพูนด้วยกัน อีกคนหนึ่ง

No comments:


View My Stats