Friday, January 16, 2009

หริภุญไชย ๑๐ วัน(๔) : หมอชิต ชีวิตที่ดิ้นรน ยามสนธยา

 
ผู้ดูแลน้ำใจงาม นำพาเราสองมายังท่าเย็นฤดี รอเรือเร็วมาเทียบท่าแล้วส่งเรา จนลับสายตาที่ท่านั้น
แม้จะชั่วเวลาสั้นๆที่เราพักค้างคืน แต่ก็อดใจหายไม่ได้ยามจากกัน แม้จะรู้ว่า สักวันจะกลับมาอีก แต่ก็ ใจหายอีกเช่นกัน เมื่อไม่รู้ว่า เมื่อไรถึงจะได้ย้อนกลับมาอีก

ต่อเมื่อเรือฝ่าลำน้ำมาได้ครึ่งทาง ถึงได้รู้ว่า แท้ที่จริงเราต่างยังคงเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ยังมีความรู้สึก รัก ชอบ อาลัยอาวรณ์ ดีใจ ฯลฯ อยู่

ยกมือท่วมหัว ไหว้พระบรมธาตุ ณ วัดเจดีย์เอียง กลางลำน้ำเจ้าพระยา ต่อลำน้ำลัดเกร้ด
ไหว้เพื่อเอาศิริมงคลใส่ตัว ไหว้เพื่อเตือนตัวเองว่า ให้เร่งรีบปฏิบัติบูชาให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นฅน ให้สมกับที่ได้อยู่แผ่นดินนี้

ขึ้นท่าที่ท่าน้ำปากเกร็ด ด้วยน้ำใจของคนเรือ ด้วยน้ำใจของคนท่าน้ำ ไม่เช่นนั้น เข้าของที่มากมายป่านนั้น กว่าจะขึ้นท่าได้ ดีไม่ดีอาจจะหล่นลงน้ำบ้างก็ได้ คนน่ะ คนที่หล่น ไม่ใช่ของหรอก ก็ขอได้รับคารวะจาก ๒ ดวงจิตของเราด้วย

ลิบลิบ ณ ปลายทางอีกราวๆ ๑๐๐ เมตรข้างหน้าตรงหัวโค้ง เราเห็นแท้กซี่คันหนึง จอดอยู่ ไหมพรม เธออดกังวลไม่ได้ เพราะของที่หอบหิ้วมาก็หลายชิ้น และหนักเอาการ จึงเปรยๆว่า

เพี้ยง ขอให้รอเราเถิ้ด...ฯลฯ
ก็ของของเรา เขาไม่ไปไหนหรอก แท้กซี่ประจำบารมีไหมน่ะ

มะไฟ บอกเธอไปอย่างนั้น ก็ต้องรีบหาทิชชิ่วมาซับเลือดซิบๆ เพราะเจอค้อนปะหลับปะเหลือก ตาวาวาๆจ้องเอา กรีดเอา และก็จริงอย่างว่า หมู่เฮากำลังจ้อกับอี่นางคนฮักอยู่ จนกระทั่ง มะไฟ เคาะประตูเรียกตั้งหลายหน ถึงหันหน้ามารับ และพาไปส่งยังบ้าน ป้าจ๋า ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยรับ ไหมพรม ไว้ในความอุปการะ ระหว่างที่เข้ามาศึกษาหาความรู้อยู่ช่วงหนึ่ง ที่ กทม.

กตัญญู กตเวทิตา เป็นสิ่งดี ขอแสดงความยินดีด้วยน่ะ ไหม ที่เป็นฅนรู้จักบุญคุณผู้อื่นแล้วตอบแทนโดยไม่ได้เรียกร้อง ดีแล้ว

ระหว่างที่ปล่อยให้ ไหมพรม เธอได้พูดคุย ปรนนิบัติ ป้าจ๋า ก็มานั่งนึกดู ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ๔๐ - ๕๐ ชั่วโมงที่แล้วมา ก็ให้แปลกใจว่า ดูราวกับว่า เกิดจากบุรพกรรมทั้งสิ้น ที่บันดาลให้เป็นไป ไม่ว่า ยะ ที่อุตสาห์สละความสุขส่วนตัว ขับรถมาส่ง ไม่ว่า กำนันม่อย ที่ออกค่าเรือให้ ไม่ว่าน้ำใจของคนท่าน้ำ ฯลฯ

ฤาว่าเขาเหล่านั้น เคยอุปถัมป์ค้ำชูกันมาก่อน

ป้าจ๋า ไหมพรม ก็คงเฉกเช่นเดียวกัน ยามเมื่อเห็นสอง ป้า หลาน ที่อายุห่างกันถึง ๒ รอบกว่า แต่ผู้อาวุโส กลับยังคงดูสดใสกระไรปานนั้น ได้คำตอบว่า อยู่ตามเวลา อยู่ตามใจ ด้วยไม่มีอะไรให้แบก ให้กังวลอีกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่า เราคงทำได้อย่างท่านน่ะ

วิสาสะกันพอให้คลายความคิดถึง ก็ต้องแยกจากกัน ตามวาระ ไหมพรม ฝาก post card ที่เธอจ่าหน้าซองถึงตัวเองที่ประตูป่า แต่ รบกวนให้แท้กซี่ที่พาไปส่งที่หมอชิต ว่า

พี่ หนูวานให้พี่ส่งให้ด้วยน่ะค่ะ ให้ส่งในเขตไปรษณีย์ปากเกร็ดน่ะ
ได้ครับ จะเอาตราประทับหรือครับ
ค่ะ ขอบคุณจั้ดนักเจ๊าาาาา

แท้กซี่พราเรามาที่ท่ารถหมอชิต(ใหม่) เอาเมื่อเวลาราวๆก่อนเคารพธงชาติเล็กน้อย
แปลกใจ แม้ว่าจะมีหมอชิตใหม่แล้ว ฝูงชน ก็ยังคงคลาคล่ำ หนาแน่น อยู่กันตามสบาย ไร้ระเบียบ อยู่ดังเดิม

ฝูงชนที่พากันเดินทางกลับบ้าน ต่างแออัดกันอยู่ เรียกว่า แทบจะหาที่นั่งไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณชานชาลาที่ออกรถนั้น มีที่ให้ยืนรอได้ ก็บุญโขแล้ว

เราไปถึง พอเห็นดังนั้นก็อ่อนใจ ดีแต่ว่าตั๋วเดินทางได้จองไว้นานแล้ว จึงลำบากเพียงแค่ หาที่นั่งพัก และก็ลำบากจริงๆ เพราะอย่างที่บอก คนเดินทางกลับบ้าน มีมากมายจริงๆ ทีแรก ตั้งใจจะเอาข้าวของสัมภาระ ไปฝากไว้ แต่ ไหมพรม เจอเพื่อนที่พูด ภาษาท้องถิ่นเดียวกัน จึงปักหลักนั่งกันตรงที่ลงรถนั่นแหละ นั่งกับพื้นเลย

เราผลัดกันไปหาซื้อของกิน ระหว่างที่เพื่อนใหม่ เขาก็ผลัดกันไปซื้อตั๋วเดินทาง โชคดีที่ยังพอมีขายให้ สักพัก เขาก็ขอแยกตัวไปขึ้นรถ

เราจากกันเมื่อสนธยามาเยือน สนธยาที่หมอชิตจากมิตรใหม่

นี่ก็อีกหนึ่งรายกระหมั่งหนา ที่เคยอุปถัมป์ค้ำชูกันมา โชคดีน่ะพี่น่ะ อย่าลืมกันเสียล่ะ

No comments:


View My Stats