Saturday, July 18, 2009

หวัด : บุญรักษา

ช่วงระหว่าง วันที่ ๔ ถึง วันที่ ๘ กค นี้ เป็นวันหยุดยาว วันหยุดยาว ที่คล้ายๆกันกับ เมื่อหลายปีก่อน ซึ่ง ในปีโน้น ยังคงดื่มเบียร์เป็นน้ำ แทนน้ำอยู่

ช่วงนั้นเอง ที่ไม่สบาย เนื่องจากอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง ถึงขั้น ลำไส้อักเสบ ก็ รากแตกรากแตน ตั้งแต่กลางดึก ยันเที่ยงวันถัดมา ที่สุด ต้องเข้านอนโรงหมอ ให้น้ำเกลือ ให้ยา รักษาตัวจนทุเลาเบาบางลง

ก็แล สี่ห้าวัน ที่นอนให้น้ำเกลืออยู่นั้น เป้นที่แน่นอนว่า ไม่สามารถกินเบียร์ได้

พอออกมาจากโรงหมอ ก็พอดี วันอาสาฬหบูชา ต่อด้วยวันเข้าพรรษา เลยพาลพาโล ลองหยุดดู

ก็หยุดได้แฮะ ไม่ยักกะตาย

นั่นแหละ เริ่มจากตรงนั้น กอรปด้วยรู้ตัวดีว่า ไม่ได้ติดหนักหนาอะไร เลยเป็นเหตุให้เลิกได้ แต่บัดนั้นมา

จะว่าไปแล้ว ต้องขอบใจอาหารมื้อนั้น ที่ทำให้ อาเจียร์ข้ามคืน จนต้องไปนอนโรงหมอแหละ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ หยุด และ เลิกได้ในที่สุด

จากปีนั้น มาถึงวันนี้ มีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ตรงที่หยุดยาวก่อนเข้าพรรษา แต่เหนืออย่างอื่น คงเป็น จิตใจดวงเดียว ที่แน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปร แต่ที่เหลือแล้ว ต่างกันมากมายนัก

เมื่อต้นเดือน ตั้งใจจะไปลำพูน ไปไหว้พระบรมธาตุ ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ตั้งใจจะไปทำบุญที่นั่น แต่คงเพราะวิบากกรรม เลยมีเหตุให้ระเห็จกลับจากลำพูน ในวันรุ่งขึ้น แต่เป็นตอนค่ำของวันที่ไปถึง

ลูกชายคนเล็กไม่สบาย ตัวร้อนมาก ก็เท่านั้นเอง

กลางวันนั้น ไหม ก็พาไปไหว้พระ ทั้งที่วัดประตูป่า และ ที่วัดพระธาตุหริภุญชัย กับ ไหว้พระที่บ้านด้วย อันนี้ สำคัญมากกว่าอย่างอื่น

ก็เท่านั้นเอง สำหรับเวลาไม่ถึงแปดชั่วโมง ที่ หริภุญชัย

กลับมาสู่ความจริง ความเป็นจริง ที่จะสะท้อน ถึงธาตุแท้ ของความมั่นคง มั่นคงในพระรัตนตรัย มาถึงบ้าน ก็บอกบุญให้ลูกรับรู้เป็นเบื้องต้น และบอกให้เขารู้ว่า

พ่อรักลูกน่ะครับ

ก็ดูแลรักษากันไป ตามประสา พ่อ ลูก ภายหลังจากที่หมอบอกว่า ไข้หวัดใหญ่ ธรรมดาๆครับ ให้พักผ่อนให้มากมาก นี่แหละ คือการปฏิบัติธรรม เราจะเอาอะไรกันนักหนา กับการไปทำบุญ แต่บนความเป็นจริง ลูก กลับป่วยนอนแบบ อยู่คนเดียวในบ้าน แล้ว บุญ ที่เราตั้งใจทำ คืออะไร แล้ว บุญ ที่ทุกตนปราถนา คืออะไร เป็นอย่างไร

เอาเถิด เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง แต่มาจัดการเรื่องนี้ก่อน เรื่องที่ลูกป่วยนี่แหละ มาก่อนอื่น

ก็ในเมื่อตัวเราเอง ก็ดี ตัวลูกเอง ก็ดี ต่างก็มีบุญอยู่แล้ว กอรปด้วยเราไปทำบุญมาอีก ก็เอาบุญมาต่อ เอาบุญมาเสริม เติมบุญ ให้มีพลังมากมาก เพื่อการรักษา ไม่ดีกว่าหรือ

รักษา ในที่นี้ คือรักษาใจ กาย หรือ รูป มันจะเป็นอย่างไร ก็ตามแต่มันจะเป็น แต่ ใจ ของเรา ไม่กระวนกระวาย ตามไปด้วย  อันนี้ ถ้าท่านทั้งหลาย ได้ศึกษามาบ้าง คงทราบดีว่า ถอดความมาจาก พระคาถา ของ ล้นเกล้า ร.๔

ด้วยแนวทางนี้ ไม่ว่า หวัดก็ดี ส่าไข้ก็ดี ล้วนแล้วแต่รักษาได้ อาศัยบุญที่มี เท่าที่มีนี่แหละ รักษา

ก็ดูว่าได้ผล แต่อีกสามวันให้หลัง เพียงแค่ดูอาการ เอาฝ่ามืออังหัว ร้อนผ่าว ก็ไม่ต้องถามกันมากความ ส่งโรงหมออีกเที่ยว อาการหนักมา หนาว ชามือชาเท้า สักพัก ชาไปทั้งตัว

ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล วิ่งกันอลหม่าน พอจองห้องพักได้ ลงมาดูลูก ผ้าห่มที่ บยาบาลคลุมตัวให้นั้น ร้อน ยิ่งกว่าผ้ารองรีดผ้า

คราวนี้ ที่หนัก กลับเป็นพ่อซะเอง ไหนจะกรำฝน ไหนจะนั่งรถขึ้นล่อง พอถึงวันพาลูกกลับบ้าน เลยออกอาการมึนหัว

งวดนี้ ไม่รู้ว่าจะทันสมัย หรือ ล้าสมัย ยังไม่ทันสิ้นสงสัย จะมาทำงาน โดนหมากัดขาเข้าไปอีก เลยต้องหยุดงานยาว

เจ็บระบมไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวยันขา

มานึกถึงพระคาถา ของ ล้นเกล้า ร.๔ กับ อาการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ของ นาม-รูป เข้า เลยเอาใจนับเนื่องถึงบุญที่มีทีได้ทำไว้ ในช่วงสั้นๆนี้ พิจารณาสิ่งที่บังเกิดขึ้นซะ

บุญรักษา

ที่สุดนี้ ขออัญเชิญ พระราชนิพนธ์ พระคาถาของ ล้นเกล้า ร.๔ พร้อมคำแปล เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ที่ใฝ่รู้

อาตุรสฺมิปิ เม กาเย จิตฺตํ น เหสฺสตาตุรํ
เอวํ สิกฺขามิ พุทฺธสฺส สาสนานุคตึ กรํ ฯ

เมื่อกายของดีฉัน แม้กระสับกระส่ายอยู่ จิตรของดีฉันจักไม่กระสับกระส่าย ดีฉันมาทำความไปตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ศึกษาอยู่ด้วยประการดังนี้

คัดมาจาก พระราชนิพนธ์ทรงขมาพระสงฆ์ เมื่อจะสวรรคต

No comments:


View My Stats