Tuesday, March 2, 2010

ความตาย ติดตามเจ้าทุกก้าวบาทย่างน่ะ

วันศุกร์ที่ ๒๖ กพ อันเป็นวันกีฬากระทรวงนั้น มะไฟ ได้ไปเชียร์ น้องนุ่ง จะว่ารุ่นลูกก็ว่าได้ และก็เห็นว่าเขาเหล่านั้น ไม่ต่างอะไรกับ ทารก ซึ่งทำอะไรก็ดูดีน่ารัก ไม่ผิด ไปหมด

ที่นั่งเชียร์นานหน่อย ก็สนามวอลเลย์บอล ที่ วิชัย มาเสนอแนะว่า ให้เอานักเตะตะกร้อมาแข่งนั่นแหละ ก็เห็นว่า น้องนุ่งรุ่นราวสักยี่สิบต้นๆปนกลางๆ เขาสนุกสนานตามประสาเขากับการเชียร์ สนุกๆ ก็หลายคน

มาวันนี้ ปัญญา บอกว่า มีอยู่คนหนึ่ง โดนรถทับตายแล้ว

ทำเอาสะอึก และก็นึกถึงคำของตาน้องโซล ที่เขียนไว้เป็นหัวเรื่องนั่นแหละ

เสียดายนัก ชีวิต
คนเรา เมื่อได้เกิดมาแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับใบไม้ที่หลุดจากขั้ว ปลิวลิ่วลงมายังพื้น ที่สุดก็ถึงพื้น และเป็นอันจบกัน ไม่ร่วงอีกต่อไป

ใบไม้ เรามอง มันก็มองเห็น

แต่คนเราเล่า เรามองเห็นหรือว่า เราหลุดร่วงหล่นลงมา ถึงไหนแล้ว
ไม่เห็น
บางทีร่วงไม่ร่วงเปล่า กระทบแง่หินบ้าง ก็เจ็บปวด ป่วยกันไป

เราไม่มีทางรู้เลยว่า เมื่อไหร่จะหล่นถึงพื้น คือว่า เมื่อไหร่จะหยุดนั่นแหละ ตราบเท่าที่เรายังเป็นคนอยู่น่ะ นอกเสียจาก อริยบุคคลขั้นอรหันต์เท่านั้น ท่านถึงจะรู้วันตายได้ สำหรับเราเราท่านท่านแล้ว จะตายเมื่อไหร่ ก็ยังไม่รู้เลย

คิดได้ดังนี้แล้ว รีบเร่งทำความดีกันเอาไว้เถิด ทุกท่านเอ๋ย อย่าได้สั่งสมกันนักเลย ตายไปแล้ว ก็เอาไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ต้องคืนกลับสู่โลก คืนกลับสู่ส่วนกลางไปหมดสิ้น มีแต่ กุศล อกุศล เท่านั้นที่ติดตามไป

สุชน คู่กัย กุศล
ทุชน คู่กับ อกุศล

กุศลกรรม เอาง่ายๆแค่ มโนสุจริต วจีสุจริต กายสุจริต ก็พอแล้ว
อกุศลกรรม ก็ตรงข้าม มโนทุจริต วจีทุจริต กายทุจริต

ละ ลด เลิก อกุศล กันบ้างเถิด
เจริญกันให้มากมากเถิด กุศล น่ะ ง่ายจะตายไป แค่ตั้งจิตปราถนาดี ก็ได้แล้ว ซึ่งถ้าไม่รู้จะปราถนาดีต่อใคร ก็ให้กับตนเองนั่นแหละ เป็นเบื้องต้นเลย ทำซะ คนรอบๆข้าง จะได้สบายใจ

อ้างอิง
หัวเรื่อง จำเอามาจากคำพูดคุณตาน้องโซล ที่พูดให้ฟังบ่อยๆ กินใจนักล่ะ
ใบไม้ร่วงนั้น เอามาจาก หนังสือ ธรรมเจดีย์ธรรมะชำระใจ ของ สมเด็จพระวันรัต (ทับ พุทธสิริ)

วันนี้ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ สทน. เป็นเจ้าภาพ มีรถออกจากบางเขน บ่าย ๕ โมงเย็น

No comments:


View My Stats