Sunday, September 19, 2010

วิกฤติพลังงาน

ว่าจะไม่แตะเรื่องนี้ แต่พอดีดูข่าวทางทีวีแล้วอดไม่ได้
เอาไว้ให้กลับจากเกาะเกร็ดซะก่อนเหอะ จะมาเล่าให้ฟัง กับทั้ง ความคิดที่เป็นเหตุให้ทำ poll ด้านซ้ายมือนั้น
แป้บน่ะ

แหม นึกว่าจะไม่มา ก็มาจนได้ ฝนน่ะครับ ฝน มาเอาตอนจะกลับออกจากเกาะเกร็ดพอดี

ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวทอซอน รึชื่อไรก็จำไม่ได้ แต่ ของมอญครับ ที่หน้าวัดไผ่ล้อม อร่อย ไปกับหลาน เธอฟาดซะ ๒ ชาม อิ่มแล้ว เตลิดไปนั่งทำสมาธิที่วัดเสาธงทอง เดินกลับมาให้หลวงพ่อที่วัดไผ่ล้อมรดน้ำมนต์ให้ แวะซื้อของฝาก กับที่จำเป็นส่วนตัวคือ เมี่ยงคำ ไหว้พระในโบสถ์วัดปรมัยฯแล้วข้ามฟากกลับมาจับแท้กซี่ ที่หัวโค้งท่าน้ำ ตรงดิ่งมาบ้านกับหลาน

ไหว้พระที่บ้านซ้ำอีกหน แผ่เมตตาด้วยกุศลที่สร้างขึ้น แม้จะน้อยนิด ก็ยังดี

เรื่องของพลังงานนั้น มะไฟ
๑) ไม่ได้ต่อต้าน หรือ
๒) ไม่ได้สนับสนุนอะไรมาก แต่ทราบว่า
๓) พลัง และ พลังงาน นั้นจำเป็นสำหรับชีวิตระจำวัน
หากท่านใด ไม่เห็นด้วย ก็ได้โปรดผ่านไป

แรกเริ่มนั้น มะไฟ มองจริงๆจังๆ โดยเอาชีวิตประจำวันของตน เป็นเกณฑ์ว่า วันๆ ใช้ไฟฟ้าทำอะไรบ้าง และของใช้ประจำบ้านนั้น จำเป็นต้องมีมั้ย อย่างเครื่องอุ่น (หรือจะเรียกกันอย่างอื่นก็ไม่ทราบ) ไมโครเวฟ หม้อต้มน้ำร้อนดื่มกาแฟ ตู่เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า พัดลม เครื่องปรับอากาศ แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้า ฯลฯ พวกนี้

เชื่อมั้ย ที่เล่ามาทั้งหมดนั้น กับ มะไฟ แล้ว ไม่มี ไม่ใช้ ก็ตายเหมือนกัน แต่ก่อนจะตาย ก็สามารถมีชีวิตได้ปกติสุข เหมือนๆกับคนที่เขามีกระแสไฟฟ้าใช้ พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่น เพิ่มเติมจากที่ มะไฟ มีอีกจิปาถะนานัปการ ซึ่งที่สุดแล้ว ต่างก็ ตาย เหมือนกันหมดทั้งนั้น

แต่นั่นเป็นเรื่องจำเพาะ ด้วยเหตุผลจำเพาะบุคคล ซึ่งแม้จะเห็น และทำมาแล้ว, ไม่ใช้ไฟฟ้ามา ๗ ปีเต็มๆ, ก็ตาม มะไฟ ยังคงเห็นว่า พลังงาน นั้น จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน

ทีนี้ เมื่อมองในมุมที่กว้างไปอีกนิด ในระดับการประกอบธุรกิจการค้า หรือ องค์กรอื่นใด ก็ต้องยอมรับความจริงว่า พลังงาน เริ่มจะ ขาดไม่ได้ ซะแล้ว แม้ว่า ในชีวิตประจำวัน พลังงาน ไม่ได้ต้องการมากมายนัก แต่ในเรื่องของการประกอบธุรกิจแล้ว ต้องการ ต้องการชนิดที่เรียกได้ว่า ขาดไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะเขาต้องให้บริการ ทั้งนี้เพราะเขา ต้องดำเนินงานให้ทันสมัยทันเหตุการณ์

แลเมื่อมองให้กว้างระดับประเทศ ที่ต้องการการลงทุน การพัฒนาในหลายๆด้านด้วยแล้ว พลังงานนั้น ขาดไม่ได้เอาเสียเลย รึเปล่า

ไม่เพียงแต่ ขาดไม่ได้เท่านั้นหรอก แต่ยังต้องการ การสำรองให้พอเพียงด้วย อันเนื่องมาจากความต่อเนื่อง ที่จำเป็นต้องมีสำหรับการพัฒนาในหลายๆด้านเหล่านั้น ซึ่งจุดนี้ เมื่อมองจากมุมของปัจเจกบุคคล หรือ ระดับครอบครัวแล้ว กลับรู้สึกว่า มันเว่อเกินไป

แล้วเราจะ จูน ความต้องการ ที่ไม่เท่ากัน เหล่านี้ หรือ เกลี่ยความต้องการที่ไม่เท่ากันเหล่านี้ ให้เกิดสมดุลย์ได้อย่างไรกัน

ท่านเคยเห็นมั้ย เหตุอย่างนีน่ะ คือ รถเมล์ ๒ คัน สายเดียวกัน จะสายไหนก็ได้ ที่ คันหนึ่งแน่นเอี้ยด อีกคันโล่งแทบจะพูดได้ว่าผู้โดยสารนับคนได้ คันแรกนั้นกลับต้องวิ่งไปช้าๆตลอดทาง เพราะผู้โดยสารขึ้นลงตลอดทุกป้าย แต่คันหลัง กลับวิ่งฉลุยลิ่วไป

คนที่ได้นั่งคันหลังก็ถึงที่หมายก่อน คนที่นั่งคันแรก กลับเบียดเสียดผู้คน เหนื่อย สุดแสน กว่าจะถึงที่หมายได้

มะไฟ เกลียดสภาพที่ว่า เพียงหนึ่งคน มันก็มากเกินไปแล้วในสภาวะแวดล้อมดั่งเช่นรถเมล์คันแรก แต่ขณะเดียวกัน สภาวะแวดล้อมอีกหนึ่งคันนั้น กลับว่าง แต่ไม่สามารถแบ่งมาให้บริการคันแรกได้

เช่นกัน กับความต้องการพลังงานที่ไม่เท่ากัน ของ กลุ่มความต้องการ ๓ กลุ่ม เท่าที่แบ่งอย่างคร่าวๆมานี้นั้น เราจะเกลี่ยความต้องการให้เกิดความพึงพอใจ โดยไม่สิ้นเปลือง เงิน ได้อย่างไร (ที่สุด ก็ต้องมาลงที่เม็ดเงิน อย่าเถียงเลย)

ก็คงเป็นเพราะความไม่ลงตัวนี่ล่ะกระมั่งหนา ที่ทำให้ชาวบ้านผู้มาร่วมสัมมนา ทางออกของประเทศไทยในการแก้วิกฤติพลังงาน เมื่อวันที่ ๑๗ กย. ที่ผ่านมา จึงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง สงสัย ซึ่งแม้จะเข้าใจ แต่ยังรู้สึกว่า เพื่อนบ้านเหล่านั้น ท่านยื่นเรื่องของท่าน ผิดที่ไป เท่านั้นเอง

ใน poll ทางซ้ายมือนั้น เปิดไว้นานแล้ว และ ปิดไปแล้ว แต่ ไม่ยอมเอาออก

ก็ในวันที่ฟังพี่ชาย, ขออนุญาตเรียกท่านว่า พี่ชาย ก็แล้วกันเน้าะ อายุพี่ ไม่น่าจะเกิน ๖๕ ปี, ท่านบอกจะไม่เอานั่น นี่ โน่น แต่ที่หลุดมาคำหนึ่งแล้วตัดหายวูปไปคือ นิวเคลียร์

ก็เพราะเหตุนี้แหละ ที่ได้เกริ่นมาตั้งแต่ต้นว่า ได้ดูข่าวจากทีวีแล้วอดไม่ได้ เพราะอย่างที่ได้เล่ามา ด้วยเหตุ ด้วยผลแม้จักไม่ค่อยสมประกอบเต็มเปี่ยม แต่ก็มีเหตุผลแหละว่า ลำพัง คนเราธรรมดา ครอบครัวเล็กๆนี่ พลังงาน โดยเฉพาะในรูปกระแสไฟฟ้าแล้ว ไม่รู้จะบริโภคอะไรมากมายนักหนา จนถึงกระทั่งว่า กฟผ. ต้องเอาไปเป็นภาระ สร้าง หรือ ผลิต กระแสไฟฟ้าสำรองไว้ให้ท่าน เพราะหากทำเช่นั้นจริงๆ มะไฟ เองนี่แหละ จะออกมาถามเอง

ในส่วนเรื่องที่พี่ท่านบอกไม่เอานิวเคลียร์นั้น เอาว่าพี่รู้มาก ก็เลยขอถามว่า น้อยแค่ไหนนี่คือ อย่างน้อยที่สุด แค่ไหนกัน ที่พี่ท่านรู้จัก

ตะวันที่เราท่านเห็นว่าให้ความร้อน อบอุ่น เป็นเหตุให้พืชผลเจริญเติบโตนั้น ดวงตะวัน ที่แท้คือเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอันเดียวในสุริยจักรวาล น่ะ

เฮ้อ มีแต่ภาษาแขก

ในร่างกายคนเรามีกระดูก ในกระดูกมีโปแทสเซียม และในธรรมชาตินั้น 40K ซึ่งเป็น ไอโซโทปหนึ่งของโปแทสเซียม โปแทสเซียมสี่สิบนี้ เป็นธาตุกัมมันตรังสีให้รังสีบีทาออกมา และเวลาผ่านไปราวๆพันล้านปี จำนวนของเขาถึงจะลดลงไปเพียงครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน และก็รอต่อไปอีกพันล้านปี ถึงจะลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งของเวลาในอีกหนึ่งพันล้านปีข้างหน้าโน้น

ที่เขียนๆมาแบบนี้ เรียกว่า ครึ่งอายุ , t1/2 ของเขาคือ พันล้านปี ก็แล ครึ่งอายุนี้ ของใครก็ของใคร ไม่มีเท่ากัน

ติ่งต่างว่า ปัจจุบันนี้ วันนี้ มีอยู่ หนึ่งพันยี่สิบสี่หน่วย พอเวลาผ่านไปพันล้านปี ก็จะเหลือ ห้าร้อยสิบสองหน่วย ผ่านไปอีกพันล้านปี, t1/2, ก็จะลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งของห้าร้อยสิบสอง คือ สองร้อยห้าสิบหก ผ่านไปอีกพันล้านปี, t1/2 , ก็จะลดลงไปอีกและมีจำนวนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดหน่วย โน่นแหละ สิบเท่าของครึ่งอายุ, 10t1/2 , นั่นแหละ ถึงจะเหลือเพียง หนึ่งหน่วย นี่หมายเอาว่า แรกเริ่มเขามี ๑๐๒๔ หน่วยน่ะ เวลาผ่านไป หมื่นล้านปีโดยประมาณ, 10t1/2, ถึงจะลดลง ๑๐๒๔ เท่าของปริมาณในปัจจุบัน

ในร่างกายคนเรา มีลมหายใจ ที่เราหายใจออกมาคือ อากาศเสียในรูปของ CO2 นั้น 14C นั้นก็เช่น มีในธรรมชาติ และเป็นไอโซโทปรังสี ให้รังสีบีทาออกมา แม้จะอ่อน แต่ก็เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์แหละเหอะ แถมครึ่งอายุก็ปาเข้าไปร่วมๆห้าพันปี อะไรจะยาวนานขนาดนั้น

ในร่างกายเรามีน้ำราวๆแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ตามที่ในทีวีโฆษณาว่า ร่างกายผู้หญิง ร้อยละแปดสิบคือน้ำ เอาง่ายๆ ทีนี้ น้ำ คือ H2O ซึ่ง ก็ในธรรมชาติอีกเช่นกันที่มี 3H อยู่ ดีหน่อยที่ครึ่งอายุเขาเพียง สิบสองปี ราวๆนั้น

ทั้งสามตัวที่แนะนำมานี้ ล้วนแต่ให้รังสีบีทา, β , ออกมา (ดู note ด้านล่างเพิ่มเติม)

จะเห็นว่า ในร่างกายของเราเองนั้น เต็มไปด้วยพลังงานนิวเคลียร์ที่แผ่ออกมาทั้งสิ้น จากธาตุที่มีในร่างกายคนเรานี่แหละ ก็ให้งงงว่า ทำไมถึงได้พูดออกมาว่า ไม่เอานิวเคลียร์ กระทรวงศึกษาธิการ ท่านทำอะไรของท่าน ฮึ ทำไมไม่บอกเรื่องราวเหล่านี้ให้ทารก ทาริกา ได้รับรู้ไป รู้มั้ย เมื่อสิบปีก่อนหน้านี้ เกิดเหตุโคบอลต์ที่สมุทรปาการนั่น จนมีคนตาย ซึ่งสลดใจมาก เพราะที่สุดแทบจะหายที่เผาไม่ได้ด้วยซ้ำไป จะด้วยเหตุอะไรก็ไม่อยากซ้ำเติม แต่ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ , IAEA, เขามาสรุปไว้ ที่จำได้เพราะเจ็บใจคือ
  • ถ้าซาเล้งรู้จักสัญญลักษณ์รังสีนั้นแล้วเขาจะไม่ขโมย และจะไม่มีคนตาย
  • การให้ข้อมูลข่าวสาร หรือ ความรู้ยังไม่พอเพียง
มันเป็นบทเรียน ที่ต้องจำน่ะ

เช่นกันกับเรื่องพลังงาน โดยภาพรวม เราต้องให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพราะที่สุดแล้ว ประชาชน คือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

พลังงานนิวเคลียร์ เป็นหนึ่งในพลังงานที่มีอยู่ แต่จะนำมาใช้ ไม่นำมาใช้ และ ขึ้นอยู่กับว่าเอาไปใช้ทางสันติด้วย มันขึ้นอยู่กับความจำเป็น

พัฒนาแล้ว ชาวบ้านต้องพอใจและมีความสุขทั้งกายและใจ

Noteด้วยความช่วยเหลือของคุณธัญรัศม์, ท่านสามารถไปตาม link นี้ได้ หากสนใจค้นหาเพิ่มเติม

No comments:


View My Stats