เรามานึกถึงความตายกันเถิด เพราะก็ตายมาให้เห็นจริงจริงจังจังกันเหลือเกิน
ประโยชน์ที่ได้ ความสงบ และ ไม่ประมาท และ สุคติภูมิในภพหน้าเมื่อตายไปแล้ว
พระท่านแนะว่า ให้พิจารณาว่า
เรามีความตายเป็นธรรมดา เราล่วงความตายไปไม่ได้แล้ว ความตาย นั้นคือ สิ้นลมหายใจ กายแตก วิญญาณดับ
ชีวิตของเรา มันไม่ยั่งยืน ความตายของเรา มันยั่งยืน เราคงจะตายเป็นแน่ ชีวิตของเรา มีความตายเป็นที่สุด ชีวิตของเรา มันไม่เที่ยง ความตายของเรา มันเที่ยงแล้ว
เมื่อพิจารณาจนได้สลดใจแล้ว จึงให้รีบขวนขวายสร้างบุญกุศล ซึ่ง เป็นที่พึ่งของตน เสียตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่นี้เถิด อย่าให้ทันความตายมาถึงเข้า ไม่เช่นั้น จะเสียที ที่เกิดมาเป็นคน ได้พบพระพุทธศาสนานี้เข้า
ดั่งนี้
หรือ
ชีวิต เปรียบเสมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นจากขั้ว ลงสู่หุบเหว ที่ไม่ทราบว่าลึกสักเท่าไร
ระหว่างทาง กระทบกระทั่งแง่งหินบ้าง กิ่งไม้บ้าง ทำให้เจ็บไช้ได้ป่วยไป ต่างทนทุกข์ทรมานไป
เมื่อถึงปลายทาง ก็ดั่งกับว่าได้รับความตาย
แล้วให้พิจารณาต่อไปดั่งย่อหน้าที่แล้ว
อย่าให้สมกับที่เขียนไว้ที่หัวเรื่องด้านซ้ายมือบนสุดเลย ว่า มาแล้วก็กลับไป อันนั้น มะไฟ ว่ามาเอง
เอกสารอ้างอิง ธรรมเจดีย์ ธรรมะชำระใจ สมเด็จพระวันรัต(ทับ พุทธสิริ) หลวงพ่อพิจิตร ฐิตวัณโณ ท่านกรุณา นำมาพิมพ์ให้สาธุชนได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี แต่เมื่อทราบข่าว ในตอนสายของวันถัดมา ที่เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้ถึงกับเสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุนั้น ก็ได้ทำบุญ โดยใส่ซองที่ เพื่อนร่วมงาน เธอนำมาแจกให้ และ อุทิศส่วนกุศลให้กับเขาทั้งหลายเหล่านั้นไปแล้ว
Wednesday, December 29, 2010
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment