Wednesday, September 1, 2010

น้ำเต้าฮู่

สัปดาห์ก่อน ต้องกลับบ้านท่ามกลางเวลาทำงานช่วงบ่ายอยู่ ๒ หน เป็นเรื่องจำเป็นทั้งคู่ คือ ไปรับเอกสาร กับ ต้องไปพาลูกไปโรงหมอ

จำไม่ได้ว่าคราวไหนกันแน่ ที่ ขากลับนั่งแท้กซี่แล้วหิ้วถุงเต้าฮู่จากบ้านมา เพียงเพื่อเอามาวางไว้ ไม่มีเวลากิน เพราะต้องไปฟังสวด ที่วัดพระศรีฯ บางเขน

น้ำ ที่มีค่า อย่างที่เคยบ่นไว้
งวดนั้น ก็เช่นกัน ถามพี่คนขับว่า ระหว่างเอาน้ำที่เหลืออยู่ มาให้คนกิน กับเอาไปทำเชื้อเพลิงให้รถวิ่ง เขาจะเลือกอันไหน
แล้วก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ระหว่างรถติด

เต้าหู้ ที่มี ก็พลอยถามพี่เขาอีกด้วยว่า
ให้แปลกใจมาก น้ำเต้าหู้ ที่เตรียมสดๆ ร้อนๆ มาให้เห็นนั้น ราคาแค่ ๖ บาทเอง ทำไมคนไทย ไม่กินกัน
กลับไปนิยมชมชอบกับ เต้าฮู่กล่อง ที่ทำมานาน ราคาแพงกว่ากันตั้งเท่าตัวกว่าๆ ไปเสียได้

พี่คนชับ เขาก็เห็นด้วย และยังแถมความรู้อีกด้วย ในเรื่องการกิน การอยู่ของผู้คนธรรมดาๆ ทั้งๆที่อายุเขาก็ไม่น่าจะถึง ๔๕ ด้วยซ้ำไป

พี่เขา, มะไฟ ชอบเรียกหาคู่สนทนาว่า พี่ เสมอ มันได้เปรียบเชิงอายุน่ะ คริคริ, ยังว่าด้วยว่า พอข้าวออกรวงเหลือง ก็ให้หว่านเมล็ดถั่วเหลืองลงไปบนนาข้าวเลย หว่านไปเลย พอข้าวแก่ เกี่ยวข้าวแล้ว หน่อต้นถั่วเหลือง ก็จะค่อยๆแทงออกมา
ฟางข้าว
อากาศเย็นชื้นหน้าหนาว บวกกับน้ำค้าง
แดดอุ่นร้อนยามกลางวัน จะช่วยให้ต้นถั่วเหลืองเติบโตได้ดี ไม่ต้องการป๋ง ปุ๋ย อะไรเลย

เอาเม็ดถั่วเหลืองออกจากฝัก บด ต้มน้ำ กรองออก ก็ได้เต้าหู้มากินแล้ว ลำบากนิด แต่ได้กินสดสด อร่อยกว่ากันมากด้วย ปรุงแต่งรสชาติได้เองตามใจ อีกด้วย

มะไฟ ต้องขอชมเชยความปากเปราะของตัวเองที่ชวนพี่เขาคุย จนได้ความรู้ออกมา

พล ศรีบัวลา คนเกินร้อย ๑๐๑, ๓๕๘๗ คือเลขหมายของพี่เขา อันนี้ ขออนุญาตพี่เขาแล้ว
ขอขอบคุณพี่พล เป็นอย่างมาก ที่ให้ความรู้ออกมาโดยไม่ปิดบัง

No comments:


View My Stats