Tuesday, March 27, 2012

กองคำ มุสิกะบุญเลิศ

สิ่งมีชิวิต ทุกรูป ทุกนาม ล้วนต้องการ ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และ ยารักษาโลกนี้เท่านั้น ที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต และสิ่งนี้เองที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดให้เป็น ปัจจัยสี่ สำหรับพระภิกษุสงฆ์มีได้

กับคนธรรมดา เมื่อจากบ้านเกิดเมืองนอนมายังที่ไกลแล้ว อันดับแรกคือ ที่อยู่อาศัย ที่ต้องหาให้ได้
ที่อยู่อาศัย หรือ ที่พักพิงนี้ จะเป็นดั่งป้อมประตูคูหาในสมรภูมิ ยามสงคราม

เมื่อปี พ.ศ ๒๕๑๔ ผมเข้ามากรุงเทพฯ มาสอบ entrance เข้าเรียนต่อ ได้มาพักอยู่กับญาติๆ เป็นการชั่วคราว แล้วก็กลับไปต่างจังหวัด ก็บ้านนนอกนั่นแหละ พอทราบว่าสอบเข้าเรียนต่อได้แล้ว อีทีนี้ซิ ปัญหาใหญ่

ที่พัก

เพราะมิได้อยู่เพียงวันสองวัน แต่ อยู่กินกันเป็น ๔ ปี แม่-พ่อ ท่านก็จน หนี้สินล้นพ้นตัว แทบจะว่ายังงั้น แต่ ท่านก็เก่ง เก่งมาก ที่ส่งเสีย จนผมร่ำเรียน จนจบ และมีงานการสุจริต ทำมาหากิน สามารถเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัวมาได้ถึงทุกวันนี้ นี่คือพระคุณของแม่-พ่อ

กลับมาเรื่องที่พัก ก็คงไม่พ้นญาติสาโลหิต (รวมทั้งวัดเซิงหวายที่เคยไปอาศัยพักพิงด้วย ในช่วงที่ร่ำเรียนอยู่นั้น) ที่เป็นหลักก็พี่นาง(พี่เธอแต่งงานแล้ว ไม่ใช่นางสาว เลยเรียกพี่นาง) คุณแม่บังเกิดเกล้า--อาลำ ศรีโยธา คุณอา(หากนับจริงๆก็คุณน้า) และ อากอง หรือ กองคำ มุสิกะบุญเลิศ

ผมอาศัยอยู่กับอากอง ที่ตลาดวัดพระยาไกรฯ ถนนตก เป็นบ้านเช่า อาศัยอยู่กันสุขสบาย ยังกับบ้านตัวเอง ได้อาศัยน้ำเจ้าพระยาอาบ ยามน้ำขึ้นก็กระโดดจากหัวเรือ ที่จอดทอดสมออยู่บริเวณนั้น ก็ประหยัดค่าน้ำไปได้ และอยู่อย่างสุขสบายยิ่งกว่าน้องๆ ที่เป็นลูกสาวของอากองเสียอีก

อากอง ท่านมีอาชีพแท้กซี่ ก็คง 1ท หรือ 2ท นั่นแหละ สีเหลืองครับ สมัยนั้น ต่อให้เอาผ้าปิดกระโหลกยังไง ใครก็มองออกว่าเป็น แท้กซี่ เพราะเหตุมีสีเหลืองทั้งคันนี่เอง ราคาต้องต่อรองกันเอาเอง สามสิบบาทนับว่าแพงมากที่สุด ห้าสิบบาทสำหรับหมูบ้านนอก หรือ คนต่างชาติ แต่ราคาทั่วไปก็ ยี่สิบบาท ยี่สิบห้าบาท ประมาณนี้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ได้อาศัยพาเที่ยวไปทั่ว เท่าที่เราจะพอไปกันได้ ตามอัตภาพแห่งทรัพย์(เงิน)ที่มี ไม่ว่าจะเป็น พัทยา หัวหิน หรือในเมืองอย่าง วัดพระแก้ว เองก็ได้มาโดยสะดวก แท้กซี่คุณอา

โยกย้ายที่พักไปมา ระหว่างถนนตก, ระนอง ๒, เก็งเหลียง หรือเก็งชวนก็จำไม่ได้ แต่อยู่ที่ทุ่งมหาเมฆ, ซอยแสงมุกดา(สุขุมวิท), ย่านสินค้าพหลโยธิน (ตรงบริเวณข้างๆบ้านสมบัติ เมทะนี สมัยนั้น) ซึ่งตรงนั้นแหละ ที่เจอแม่ค้าขายถ่าน ถ่านไม้นี่แหละครับ ถ่านดำดำ แต่ผิวแม่ค้า คนขายนั้น ขาวว้อก มันให้แปลกใจว่า จะเป็นกันยังงี้ทุกคนรึเปล่า แล้วบางครั้งก็แวะไปรบกวนเพื่อนจาก สร.๑ ที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯด้วยกัน ที่วัดเซิงหวาย ที่เข้าไปทีไร ก็ได้ยินเสียงดนตรีไทย นั่นแหละ

ที่ย่านสินค้า ก็อีกแห่งที่อาบน้ำคลอง อยู่บ้านเช่ากับพี่เขย สามีพี่นาง อาหารก็ปักเบ็ดที่ทุ่งสินค้า ได้ปลาช่อนมาทำกับข้าวกินกัน

แต่ที่อาศัยพักอยู่นานที่สุด ก็ที่ถนนตกตลาดวัดพระยาไกรฯ กับครอบครัวของคุณอากองคำ

จบการศึกษา ก็ไม่ได้แวะเวียนไปกราบ ไปไหว้คุณอาอีกเลย มาทราบข่าวอีกทีว่าภรรยาท่านจากไปแล้ว ก็ โน่น คราวที่ไปงานคุณแม่บังเกิดเกล้า ที่ชนบท ซึ่งขากลับ ก็ยังให้คุณอา พาลูกชายที่บวชหน้าไฟให้แม่ กลับมากฤษดานครเสียอีกด้วย

อากอง ท่านสอนแต่ให้ทำดี ชีวิตส่วนตัวของท่านก็เรียบง่าย ท่านชอบดูมวยปล้ำมาก เจ้าโบโบ้ ดารามวยปล้ำสมัย ๒๕๑๔ หลายท่านคงยังจำกันได้มั้ง ดูไปกินข้าวไป ความสุขสำหรับชีวิตคน คนหนึ่ง ก็คงไม่เกินนี้ ... ได้อยู่ร่วมกับครอบครัว กินข้าวกันพร้อมหน้า ทุกคนสุขสบายเป็นปกติ

ต้นเดือนนี้เอง น้องนางเธอโทรฯมาบอกว่า ให้ไปเผาอากอง ที่วัดยายรุ่ง พี่เขยออกจากชนบทแล้ว จะแวะจะมารับ .... ฯลฯ

ก็มึนกับข่าวที่ได้รับ

ชีวิต ก็เป็นเช่นนี้

เมื่อวันดับ เดือนสี่ที่ผ่านมา ตั้งใจจะไปถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ที่วัดอินทรวิหาร ก็ไปไม่ทัน พระท่านลงโบสถก่อนแล้ว ด้วยว่าเป็นวันพระใหญ่ แต่ก็ดี เพราะได้นั่งสมาธิ ในโบสถนั่นแหละ ตั้งใจอุทิศถวายให้ท่านกับภรรยาของท่านไป ต่อวันถัดมาอันเป็นวัดขึ้น ๑ ค่ำ เดือนห้า ปีมะโรงนั่นหรอก จึงได้ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลให้ท่านไปในที่สุด

ขอกุศลผลบุญที่ผมได้กระทำมา แม้จักน้อยนิดสักเพียงไรก็ตาม จงดลบันดานให้ดวงจิตดวงวิญญานของคุณอาทั้งสอง สู่สุคติ สู่ภพ สู่ภูมิที่สูงขึ้นเถิด แม้ชาตินี้มิได้ทดแทนพระคุณ-บุญคุณของท่าน ก็ขอให้ได้ทดแทนกัน ในภพ ในภูมิ ข้างหน้าด้วยเถิด

ชีวิตไม่ใช่ของของเรา ความตายเป็นของเรา
ชีวิตของเรา มันไม่แน่นอน
ความตายของเรา มันแน่นอนแน่แท้
เราจักตายเป็นแน่แท้ ...

No comments:


View My Stats