Tuesday, May 27, 2008

ณ ดอยสุเทพ วันวิสาขบูชา

ไหมฟ้า เธอชวนเดินขึ้นดอยสุเทพ เพื่อไปเวียนเทียน อันเป็นประเพณีนิยม ของชาวล้านนา ที่ปกติจะพากันเดินขึ้นดอย ก่อนวันวิสาขบูชา ๑ คืน เพื่อว่า รุ่งเช้า จะได้ตักบาตร กันที่ยอดดอย

มะไฟ ก็ตอบตกลง เพราะเรื่องทำบุญนี้ ไม่มีหลบเลี่ยง มีแต่กลัวจะไม่ได้ทำละไม่ว่า ก็ได้รับคำถาม ยืนยันปนเย้ยๆในทีว่า ไปแน่รึ ทำนองว่า จะเดินไหวหรือ รูปร่างอย่าง มะไฟ นี้หนะ ก็ตอบเธอไปว่า ไปด้วยกัน ไม่ต้องกลัว ขนาดวัดพระพุทธบาทตากผ้า แดดร้อนเปรี้ยงๆ เรายังเดินขึ้นไปถึงได้ นี่แค่ลำบากเดินกลางคืน ในป่า เท่านั้นเอง เพียงแค่ระยะทาง ๑๔ ถึง ๑๕ กิโลเมตร ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

พอท้าวความถึงวัดพระพุทธบาทตากผ้าเท่านั้น เธอก็นึกได้ และยอมให้กับ ใจ ของ มะไฟ แต่โดยดี

วันที่ ๑๘ พค ฝนตกๆหยุดๆ ซึ่งเธอบอกว่า เป็นปกติเช่นนี้ทุกปี แต่ปีนี้พอค่ำ กลับไม่มีเค้าว่า ฝนจะลง

เรานัดแนะกับ เอ้ะ ว่าไปเจอกันที่หน้า มช. เราพบกันราวๆ ๓ ทุ่ม เอ้ะ พาหลานๆไปด้วยอีก ๒ คน กับป้าและลูกอีกกลุ่ม รวมเป็น ๗ คนในกลุ่มเรา เมื่อพร้อมหน้าก็ออกเดิน เดินไปเรื่อยๆ

กลุ่มแรกที่ทิ้งห่าง คือคุณป้ากับลูกชาย ต่อมา เอ้ะ กับหลาน และเราทราบกันทีหลังจาก เอ้ะ ว่า คุณป้ากับลูก ท่านกลับทันที เมื่อขึ้นถึงยอดดอยแล้ว

ราวๆ ๕ ทุ่มกระมัง เอ้ะ ก็โทรฯมาบอกว่า อีก ๓ กิโลเมตร จะถึงยอดดอยแล้ว ทำเอาเราใจแป้ว โดยเฉพาะ ไหมฟ้า เธอเดินช้าลง อย่างเห็นได้ชัด

ต่อจากนั้น การสื่อสารก็ติดขัด ไม่สะดวก แต่เราก็ไม่กังวล เดินไปเรื่อยๆ ปะปนกลืนไปกับฝูงคน ที่ทยอยหลั่งไหล กันเดินขึ้นดอย แซงหน้า เราทั้งคู่ ไปเรื่อยๆ

ระหว่างทาง ไหมฟ้า พักขา นั่งกินตำกระท้อน ตอนนั้น ดูเหมือนจะ เที่ยงคืนกว่าแล้ว หมดครับ รับรองได้ ถ้า ไหมฟ้า เธอสั่งอะไรมา คนขายดีใจแน่ว่า กินหมด

หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเลยพี่ เธอบอกเบาๆ

เราเดินไปเรื่อยๆ แต่ก็เล่นเอาท้อในบางครั้ง เมื่อพบว่า ครึ่งคืนกว่าแล้ว เดินได้แค่ ๖ กิโลเท่านั้น

อย่างไรก็แล้วแต่ ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ด้วยความมุมานะ เราถึงยอดดอยเอาราวๆ ตี ๒ ๑๕ นาฑี และที่นั่นเอง ที่เราติดต่อกับ เอ้ะ ได้อีกครั้ง และอดทึ่ง ในความเข้มแข็ง ของทารก ๒ คน หลานสาวของ เอ้ะ ไม่ได้ ตลอดระยะทาง ที่เดินขึ้นมา ไม่มีฝนสักหยด นับว่าเป็นเรื่องแปลก สำหรับปีนี้ หลายคนบอกมาอย่างนั้น

มะไฟ มาเริ่มง่วงเอาเมื่อถึงยอดดอย และซดกาแฟดำร้อนๆ หลังจากนั่งในที่นั่งที่ เอ้ะ จัด จอง สำรอง ไว้ให้ เธอต้องใช้วิชานี้จริงๆ เพราะผู้คนเยอะมาก ที่นั่ง ที่นอน แทบไม่มี

มะไฟ นั่งทำสมาธิ แต่แพ้สังขาร สัปหงก สี่ห้าหน แต่ก็ยังรู้สึกว่า พอสงบได้บ้าง ได้รูปได้นาม มาบ้าง สำหรับ ไหมฟ้า เธอหลบไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น

เราขยับที่นั่ง ไปด้านหน้า พระบรมธาตุ เอ้ะ กับหลาน ขึ้นไปเวียนเทียนก่อน เราสองคน เฝ้ารองเท้า กับสัมภาระไว้ให้ แลระหว่างนี้เอง ที่ มะไฟ ได้มีโอกาสนั่งทำสมาธิ จริงๆ ส่วนไหมฟ้า เธอหลับ ฟุบไปกับพิ้นด้วยอ่อนล้า บวกกับง่วง ก็แหม ราวๆตีสามครึ่งแล้ว

เอ้ะ กับหลาน ลงมาเปลี่ยน ให้สองเราขึ้นไป น่าเสียดายที่ไม่มีดอกไม้ ธุปเทียน แต่ก็อาศัยสิบนิ้ว กับจิตใจ สองมือพนม ต่างดอกไม้ ธุป เทียน เดินเวียนรอบพระบรมธาตุ

นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต
สมฺมา
สมฺพุทฺธสฺส นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต
สมฺมา
สมฺพุทฺธสฺส นโม ตสฺส ภควโต
อรหโต สมฺมา
สมฺพุทฺธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

สมฺปนฺโน วรสีเลน สมาธิ ปวโรชิโน
สยมฺภู ญานสมฺปนฺโน สณฺหวาจํ นมามิหฺ

เราสอง ขอตัวลงมาจากดอยสุเทพก่อน ด้วยว่า เอ้ะ เธอยังขออยู่ต่อ เพื่อใส่บาตร ก็ขออนุโมทนาด้วย

เรามาถึง ประตูป่า บ้านพักเอาเมื่อ เที่ยง เกือบบ่ายของวันที่ ๑๙ พค

เส้นทาง นับตั้งแต่ ค่ำคืนที่ ๑๒ มาจนถึงดอยสุเทพ นั้นผ่านมา ทั้งสิ้น ๗ จังหวัด, นี่นับจำเพาะที่แวะพัก ที่ผ่าน ไม่นับ, คือ นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครนายก กำแพงเพชร ลำพูน เชียงใหม่

ค่ำคืนที่ ๑๙ จาก ดอยติ มุ่งสู่กรุงเทพมหานคร ย้อนกลับสู่ความเป็นจริง ที่เริ่มจาก วันนั้น วันก่อนนู้น วันวิสาขบูชา และกลับมา วันนี้ ชีวิตจริง

No comments:


View My Stats