Tuesday, December 8, 2009

พ่อค้าคนกลาง ขายตรง พอเพียง





มีโอกาสได้ฟังรายการ รู้รักษ์แผ่นดิน ผู้จัดพูดถึงการพัฒนา เจริญเติบโต ที่ ข้ามขั้นตอน อันจะนำผลเสียมาให้ มากกว่าผลดี

ฟังแล้วทำให้คิดถึงแนวปรัชญาขายตรงของ ทางของเค้านั่นหละ ที่อาศัย ช่องว่างการตลาด มาเป็นแรงจูงใจ ให้ผู้สนใจมาร่วมกันสร้างกำไรให้กันและกัน

ฟังแล้ว นึกถึงคำ สหกรณ์ ที่มีมาเพื่อกลุ่ม ให้ช่วยกันทำงาน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อคนกลาง

ไม่รวย ไม่จน พออยู่พอกิน แต่อย่างไร ก็เลี้ยงชาวโลกได้ ทำให้ผู้คนในโลก ยิ้มอิ่มท้องได้ ยิ้มอ่อนหวานได้ โดยดี

เฉกเช่นเดียวกัน ทำไมไม่นำแนวคิดนี้ มาประยุกต์ใช้กับ softwares บ้าง อย่ามัวหลงติด logic bubble กันนักเลย ที่ไพล่คิดเอาว่า สิ่งที่ตนเองชอบ สิ่งที่ตนเองใช้ สิ่งที่หลงใช้อยู่นั้น คือ มาตรฐาน

Free and open source software น่าจะเป็นทางออก สำหรับกรณีนี้ กรณีที่ต้องใช้ software สำหรับการทำ safety assessment ที่ ไม่ว่าอย่างไรเสีย ก็หนีไม่พ้นต้องเสียตัง ทำไมไม่เอาตังนั้น มาสร้างคน เพื่อสร้าง software ขึ้นมาเอง ปะเหมาะเคราะห์ดี อาจจะขายได้ ทำเงินทำทองให้ซะอีกแนะ


อ้างอิงถึง เศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวง

6 comments:

Anonymous said...

สวัสดีครับคุณลุง
เรื่องพ่อค้าคนกลางที่มุ่งเอากำไรมีมานานแล้วล่ะครับ
เพราะว่าเกษตรกรเองนั้นไม่ได้จัดตั้งการขายสินค้าแบบรวมกลุ่มกันแล้วนำไปขายที่ตลาดเลย แต่เขาเลือกขายที่พ่อค้าคนกลางมากกว่าเพราะไม่ต้องเสียค่าขนสินค้าและยังเสี่ยงต่อการที่จะขายพืชผลไม่หมด อีกทั้งยังไม่มีเงินทุนสำรองมากเท่าที่ควร จึงทำให้เมื่อมีคนมารับซื้อจึงขายไปแม้มันจะเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำก็ตาม ตรงนี้ทำให้เห็นถึงความเลื่อมล้ำกันทางสังคมว่าทำไมคนที่อาชีพเพาะปลูกถึงมีสภาพความเป็นอยู่ที่ด้อยกว่าพวกนักการค้าทั้งหลาย แต่ถ้าเป็นที่ต่างประเทศเขาจะให้ความสำคัญกับอาชีพเกษตรกรรมมากกว่าเพราะถือว่าเป็นอาชีพที่เลี้ยงคนทั้งประเทศ ฉะนั้นคนในประเทศเราเองนั้นก็ควรกลับมาให้ความสนใจกลับอาชีพนี้ดูบ้างและไม่ควรดูถูกว่าเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยเพราะไม่ใช่พวกเขาเหล่านั้นหรอกหรือถึงทำให้พวกเรายังมีอาหารทานกัน
จากไวน์

มะขาม said...

ครับ ขอบใจที่สละเวลามาออกข้อคิดเห็น
ประเด็น ที่ยกมาก็คือ เราผลิตให้พอมีพอกินก่อน ที่เหลือ จึงขาย มิได้ผลิตเพื่อขาย เพราะถ้าผลิตเพื่อขาย มันจะมีเป้าหมายคนละอย่างกับผลิตเพื่อกิน ใช้ ในครอบครัวทันที

เมื่อตั้งใจจะขาย มันก็ต้องทุ่มเท แต่ บ้านเรา มีอะไรบ้าง ที่ ช่วยให้ทุ่มเทแล้วได้ผลผลิตเพิ่มโดยไม่จ่ายตัง ไม่มีเลย

ดังนี้แล้ว ก็ มีแต่เงินเท่านั้น ที่ทุ่มลงไป แล้ว เอาเงินมาจากไหนล่ะทีนี้ ก็ กู้เขามา ซึ่งนี่แหละ หนี้

ถ้าเราสร้างของทีละอย่างๆ มันเปลืองเวลาน่ะ แต่ มันจำเป็น

เราย้อนมาดู software มั่ง
เรามีคน บ้างบางกลุ่ม แม้ไม่มากนัก แต่ก็มีคนด้านนี้อยู่ แล้ว software ที่ต้องใช้มนการพัฒนา เราไม่ต้องซื้อหาเลย ใช้ open source softwares นั่นแหละ มาพัฒนาเอา
ทีนี้ จุดมุ่งหมายเบื้องต้น ก็ ผลิต softwares มาเพื่อเราเองก่อน ค่อยๆทำไป มันใช้เวลา แต่มันต้องทำ อันนี้ เป็นการวางรากฐานให้มั่นคงด้วยนา

เมื่อเราพร้อม เราก็พอจะก้าวออกสู่การผลิตเพื่อการค้าได้

ประเภท ซื้อมาขายไป จับเสือมือเปล่า ไม่สวยเลยน่ะ และ อยู่ได้ไม่นานนักหรอก

อันนี้เอง คือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น

เอาเถอะ ขอบใจมากน่ะ ที่สละเวลาอันมีค่ามาให้ข้อคิดเห็นน่ะ

Anonymous said...

ไม่เป็นไรครับคุณลุงแต่ก็ต้องขอบคุณคุณลุงมากครับ
อาจเป็นเพราะผมกำลังเรียนอยู่ในสาขาธุรกิจ จึงทำให้มองเห็นว่าปัญหาในเรื่องต่างๆเกิดขึ้นเพราะขาดเงินทุนสำรอง จนลืมนึกไปว่าสาเหตุของปัญหาจริงๆนั้นอยู่ที่คนเราไม่รู้จักความพอดี และพอใจในสิ่งที่มีอยู่ จึงทำให้เกิดปัญหาตามมา ความรู้และความดีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน ดังนั้นผมขอขอบคุณคุณลุงเป็นอย่างสูงที่ทำให้ผมมีมุมมองที่กว้างขึ้นจากเดิมและผมจะทำไปประยุกต์ใช้ครับ
จากไวน์

มะขาม said...

โอ ดีมากเลยครับ ยินดีรับฟังข้อคิดเห็นในทุกด้านครับ ความคิดเห็น ที่แตกต่างกันบ้างนี่แหละ เมื่อประสานรวมกันได้ มันก็นำไปสู่สิ่งใหม่ๆได้น่ะ

อีกอย่างหนึ่ง ที่ผู้จัดในวันนั้นเขานำเสนอ และ มะไฟ เห็นด้วย คือในเรื่องข้าว เรื่องการทำนา ครับผม แต่ วันนี้ก็ ไม่ได้ฟังต่อ แฮะๆ ตื่นไม่ทันน่อ

มะไฟ ก็ให้แปลกใจน่ะ ปุ๋นเคมี เมื่อราวๆ ห้าสิบหกสิบปีก่อน ไม่มีใช้กันนักหรอก แต่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก มีใช้กันแทบทุกหลังคาเรือนที่เลี้ยงควาย เลี้ยงสัตว์ เราไม่เคยขาดปุ๋ยกัน ทำไมเดี๋ยวนี้ เราถึงกับต้องซื้อปุ๋ยกัน งงงมาก

แต่เอาเถอะครับ ก็ดูว่าจะโชคดี ที่ฅนไท เริ่มได้คิด หันมาใช้ของเดิมๆที่ผลิตได้เองบ้าง

ตอนเด็กๆ มะไฟ ก็เลือกเรียนสายธุรกิจศิลป์ครับ ไม่ได้เลือกเรียนสายเกษตรศิลป์เลย แฮะๆ อยากได้ตังนั่นแหละครับ แต่พอเรียนจบ ทำงานไป ยิ่งอยู่ ก็ยิ่งเห็นความสำคัญของเกษตรที่ทิ้งไปเมื่อสมัยเด็กๆ ถ้าพอสนใจบ้าง ป่านนี้ บ้านคงมีแต่ของที่ กินได้โดยไม่ต้องซื้อจากที่อื่น

เอาแค่ตอนนี้ หากจะผักกะเพราหมูสับ ลำบากเพียงไปหาหมูสับ กับกระเทียม น้ำมัน นอกนั้น มีแล้ว

อีกครั้ง ขอบใจมากมาก่ะ มีข้อคิดเห็นอะไร นำเสนอได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจกัน ที่นี่ เปิดรับตลอดเวลา

dekdar said...

ขอบคุณความคิดเห็นแต่ละท่าน
ผมมีเรืองมาเล่าให้ฟัง วันก่อน(สัปดาห์ที่แล้วมา)
ได้สนทนากับ อ.ท่านหนึงในมหาวิทยลัย
ผมให้หัวข้อว่า การค้าเสรี จริงหรือ?

รู้มัย เราจำเป็นต้องมีมาตรฐาน ไอเอสโอ ทุกมาตรฐาน
เลยหรือ
แล้วต้องมาปรับใช้เกียวกับการศึกษาบ้านเราเชียหรือ
เหมือน มหาวิทลัยบางแห่ง ขนาดตามให้มีมาตรฐาน ที่ว่ามานี้ทุกข้อเชียวหรือ รู้มัย ไอเอสโอ มาตรฐานเอาไว้สำหรับอ่ะไร มันก็เป็นเครื่องมือกีดกันการค้าดีนั้นเอง
รู้ไหมว่าทำไม่ กุ้งไทยถึงส่งออกไป อียู หรือ ยูเอส
ถึงมีปัญญา เขาอ้างมาว่า กุ้งไทยไม่ได้ผ่านมาตรฐานตามที่เขากำหนด ก็เขาออกมาตรฐานแบบนี้ ผ่านได้ก็สุดยอดของกุ้งแล้วล่ะ
ที่นี้กลับมาดูมาตรฐานของเรา ซึ่งแน่นอนไม่เหมือนกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเราควรนำมาตรฐานของเราเอง ใช้ของเรา กินของเรา เทียวของเราก่อน โดยเฉพาะการศึกษา เรามีประกันคุณภาพ ไม่จำเป็นตอ้งมีไอเอสโอหรอก เราไม่ได้ส่งออกการศึกษาไปอียู ยูเอสหรอก
แต่เรา ส่งออกคนเพื่อนไปทำงาน

ที่น่าเจ็บใจมาที่สุดในวงการการศึกษา ไม่รู้เขาไปร่วมมือกับใครหรือเปล่าในการกำหนด ตัวซอต์แวร์การเรียนการสอน ต้องใช้ตัวนี้ แถมบังคับด้วย (สึ่งก็รู้อยู่แล้วว่ามันเสียตังค์) เหตุใดไม่มาสนับสนุนการใช้ OpenSouce กันครับ ทางหน่วยงานผมเสียค่า ลายเซ่น ตั้งหลายแสนกว่าบาท สำรับให้ในงานนี้ (งานประกัน บังคับให้ใช้ วินปากซอย + ฐานข้อมูลของเขาอีก
อืมทั้งที่จริงเราสามารถใช้งาน โปรแกรม OpenSouce โดยมีค่าใช้จ่าย น้อย หลายรอ้ยๆ เท่าเชียว

ปล.บวกความรู้สึกส่วนตัว มากไปนิดหนึ่ง อิอิ

มะขาม said...

ดีครับ ดีมาก บอกเล่ามาเถอะ


View My Stats