Thursday, July 1, 2010

มา แล้วก็กลับไป เมื่อถึงเวลา



หลายสิ่ง หลายอย่าง ผ่านพ้นไปตามกาล กาลเวลา สายน้ำ ที่ไม่เคยไหลย้อนกลับคืนมา
ชีวิตคน ก็เฉกเช่นเดียวกัน
นับแต่จากสวนโยคะธรรมมา ที่ตั้งใจไว้ ดูราวกับว่า เกิดขึ้นมาเอง โดยอะไรบันดาลก็ไม่ทราบได้ หรือว่าจะเป็นเพราะความมุ่งมั่นตั้งใจของตนเอง ก็ไม่แน่ใจนัก

เอาตั้งแต่ที่ตั้งใจจะเผยแผ่ เผยแพร่เรื่องการฝึกโยคะ ก็ได้บอกกับ ไหม ไปแล้ว ก็สมดังใจไปแล้ว ยังได้แนะอีกคน ให้ได้รู้จักกับอาจารย์อีกด้วย ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว เธอมาขายขนม ที่หน้าพระวิหาร ก็ในรูป พอเรา ๒ คนออกมา ไหม เธอจำได้ ว่าแม่ค้า ไปยืนไหว้หลวงพ่อ อยู่นานสองนาน จึงทักทายกัน ตามประสาที่คนเรามีจริตตรงกัน ก็นั่นแหละ เป็นเหตุให้ได้แนะนำให้รู้จักกับ สวนโยคะธรรม

ส่วนเรื่องกุศล ก็นับตั้งแต่ไปวัดสุทัศน์ ก็ไปเสาชิงช้านั่นแหละ พาไหมเธอไป เธอบอกว่า มากรุงเทพทีไร อยากไปเห็นเสาชิงช้ามาก มันก็ช้าไปซะจนอายุก็ล่วงเข้ามามากแล้ว ยังไม่ได้เห็นสักที มะไฟ เลยพาไปในวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง, ๒๗ มิย ๒๕๕๓, แล้วก็เตลิดเข้าไปในวัด ไปไหว้หลวงพ่อในพระวิหาร ไปกราบท่าน สวดมนต์ นั่งทำสมาธิ พอเกิดความสงบก็พิจารณาธรรม ปัจจุบันธรรม ซึ่ง ไหม เธอก็ดูว่ามีความสุขมาก ที่สมหวังเรื่องเสาชิงช้า กับ ได้ฟังพระสวดทำวัตรเย็น





อีกอัน วันวานนี้ พอเดินเข้าหมู่บ้าน ก็ยกมือขึ้นไหว้พระ ที่ประดิษฐานอยู่ตรงประตูหมู่บ้าน มีเด็กคนหนึ่ง เห็น มะไฟ ไหว้ ก็ดูว่าจะงงงๆ จึงเงยหน้าไป ก็เห็นว่ามีองค์พระ ที่ซุ้มประตูทางเข้านั่นแหละ องค์พระ ก็อยู่สูงน่ะ ปกติ คนจะไม่เห็น จะไม่ค่อยมองกันหรอก แต่เด็กคนนั้น คงทำบุญมาไว้เยอะ จึงได้เห็นองค์พระ

เขาเดินก้าวออกไป พอพ้นประตูหน้าหมู่บ้านออกไป สอง สามก้าว ก็แหงนหน้าเหลียวมา ยกมือไหว้พระ

สาธุ

เรื่องราวที่ดีดีในชีวิตคน คนมักจะมองข้าม แต่ดันไปเอแาเรื่องราวที่ทุกข์ใจ มาใส่บ่าแบกหามกันเข้าไป ให้มันเป็นภาระโดยใช่เหตุ

ภาระมันหนักเด้อ

No comments:


View My Stats