Tuesday, August 3, 2010

A verse from ThaiFreeBSD board


ไปเจอ กลอนที่เคยโพส บน Thaifreebsd บอร์ดที่อยู่บน Thai net เมื่อก่อนโน้น ผมเก็บไว้


The computer center is empty,
Silent except for the whine of the cooling fans.

I walk the rows of CPUs,
My skin prickling with magnetic flux.

I open a door, cold and hard,
And watch the lights dancing on the panels.

A machine without soul, men call it,
But its soul is the sweat of my comrades,

Within it lie the years of our lives,
Disappointment, friendship, sadness, joy,

The algorithmic exultations,
The long nights filled with thankless toil,

I hear the echoes of sighs and laughter,
And in the darkened offices The terminals shine like stars.

-- Geoffrey James, The Zen of Programming

อยู่อ้างว้างกลางห้องคอมพิวเตอร์ ไม่พบเจอสิ่งใดให้ฉงน
ไม่มีแม้สรรพเสียงสำเนียงกล นอกจากบนเพดานบานพัดลม

ย่างก้าวไปในแถวเครื่องคณิต โดนสะกิดด้วยกระแสแม่เหล็กสม
เปิดประตูอู้หูหนาวบรม แล้วก็ชมแสงไฟเต้นไปมา

มนุษย์กล่าวเครื่องกลไร้กมลจิต แต่จงคิดว่ามาจากเหงื่อเพื่อนข้า
ทั้งสนุก สุข เศร้า เคล้าน้ำตา ลำดับมาเรียงร้อยคล้อยอารมณ์

ความตรากตรำในค่ำคืนอันไร้ค่า แว่วเสียงฮาและเฮ้อเพ้อกันขรม
สำนักงานก็มืดมิดมิคิดชม ชุมสายสมสว่างจ้าเพียงดารา

ถอดความโดยคุณ praphrut608


ด้วยความเมตตาจาก ท่านพี่ ว.ณ. สุราษฎร์ธานี มอบให้มา มะขาม คินเดินดน มะไฟ ฅนเหลิงฟ้า จึ่งนำมารักษาไว้ ณ ที่นี่


กลางดึก ตื่นมาเพราะฝนลง มาเจอกับพี่ท่านอยู่เวรพอดี ได้สนทนากันแต่พอระลึกถึงความก่อนหน้าโน้น เลยจับสภาวะนั้นไว้


7 comments:

ว. said...

วันนี้ ผมกลับไปรื้อฟื้น สิ่งเก่า ๆ ที่เคยเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ เพราะไม่ได้สั่งสตาร์ทโพรเซสของเว็บเซิร์ฟเวอร์ จึงไม่ได้เปิดดู วันนี้ลองสตาร์ทแล้วเปิดดูเรื่องเก่า ๆ คงเหมือนคนได้เจอ พระหรือของสะสม ย่อมอดไม่ได้ที่จะเอามาปัดฝุ่นเพื่ออวดกันอีกครั้ง ขอบคุณคุณมะขามที่เก็บเอาไว้อีกที่ อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีอีกที่สำหรับเก็บของลายครามให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

ขอบคุณมาก ๆ

มะขาม said...

ผมต้องขอบคุณ พี่ ว.ฯ ซะอีก มากกว่าน่ะ

ด้วยความยินดีเสมอ

ว. said...

ผมลองค้นชื่อคนแต่งกลอน เขาน่าจะอยู่ที่นี่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pra608

ผมเอากลอนมาจาก http://www.benzedrine.cx/index.html
โพสว่าใครช่วยถอดความได้บ้าง ปรากฏว่าคุณ praphrut608 ถอดความให้ ไม่รู้ว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า

ว. said...

นี่ไม่รู้ใครแปล จาก โกเล้งรำพึง...

"...บุรุษ สตรีคล้ายเม่น มีขนก็สักแต่เพียงหนามแหลม ไม่สามารถให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองได้ ยามเหน็บหนาวก็ได้แต่ใกล้ชิด อาศัยไออุ่นจากกันและกัน ซึ่งก็มักทำให้หนามแหลม ต้องทิ่มตำอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อตัดใจอยู่ด้วยกัน แม้ทำให้หายหนาว แต่บางคราวต้องเจ็บปวด ไม่อยู่ด้วยกันแม้หนาวบ้างก็ไม่ต้องเจ็บปวด มันอยู่ที่เราจะเลือกเอาว่า... จะเจ็บปวดอย่างอบอุ่น หรือ ไม่รู้เจ็บแต่เหน็บหนาว..."

มะขาม said...

มาแล้ว มาแล้ว
เชิญครับพี่ ด้วยความยินดีเสมอ จะใครถอดความก็ช่างเถิด ขอเพียงแต่พี่มาบอกกล่าว ก็ยินดีเป็นที่สุดแล้ว

โกวเล้ง ผมพอได้รู้จักแต่ไม่ได้อ่านจริงจัง ก็ตอนอยู่ปีหนึ่ง ช่วงที่เขายังไม่ได้ชื่อ ตอนนั้น เพื่อนเอาหนังสือนิยายกำลังภายในจีน มาให้อ่านกัน

มาอ่านอีกที ก็ โกวเล้ง ซะแล้ว ฤทธิ์มีดสั้น ที่มีลี้คิมฮวงกับอาฮุย ลิ่มซีอิม ลิ่มเซียนยี้ เป็นตัวเอก ยิ่งตอนที่พระเอก ไปเจอกับตัวร้าย กำลังจะดวลกัน แล้วท่านผู้เศ่า กระบองแซ่ซุนมากล่าว ถากถาง ว่าทั้งสองไม่รู้แม่แต่วิชาบู๊

ก็ทำเอาทั้งคู่เหงื่อตก และ หายบ้า เลิกประลองกันไป

แต่ที่สุด ทั้งกระบองสมปราถนา และ ห่วงมังกรหงส์ ต่างก็ตีกันเอง และผู้ที่รอดตาย ก็มาโดนมีดสั้นลี้คิมควงเสียบคอตาย

เรื่องนี้ เน้นคำว่า เพื่อน และไม่ยอมให้กับโชคชะตา และเหยียดบรรดาผู้รู้ที่จัดทำเนียบอาวุธขึ้นมา

แต่แหม มันกินเข้าไปได้ยังไงน่ะพี่ เหล้า กับเต้าฮู้แห้งทอดเนี่ย ลี้คิมฮวง กินเข้าไปได้ยังไง

dekdar said...

เป็นแผลแล้วละครับ

คมสะไม่มี อิอิ

ปล.กลับถึงบ้างโดยสวัสดิภาพครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

มะขาม said...

นั่นซี
ยังห่วงอยู่น่ะนี่
ไอ้ครั้นจะโทรฯ ว่าความห่วงไยมันเดินทางไปถึงรึยัง ก็ไม่มีเลขหมาย อุรา มันเอามือถือไปด้วย

สั้นยานใจเท่อว่างแหยะมาย ฉ่วยรั้บส้ายที

ดีแล้วครับ ดีแล้ว แต่ตอนนี้ ขอไปตลาดนัดก่อน ไปหากับข้าวมื้อเย็นมากินกัน

ไปขอยาทาจาก อะฟะ ระยะ ๒ สาวนั้นเถอะน่ะ คริคริ


View My Stats