Thursday, December 1, 2011

ขันธปริตร

วิรูปักเขหิ  เม  เมตตัง                                เมตตัง  เอราปะเถหิ  เม
ฉัพยาปุตเตหิ  เม  เมตตัง                           เมตตัง  กัณหาโคตะมะเกหิ  จะ
อะปาทะเกหิ  เม  เมตตัง                            เมตตัง  ทิปาทะเกหิ  เม
จะตุปปะเทหิ  เม  เมตตัง                           เมตตัง  พะหุปปะเทหิ  เม
มา  มัง  อะปาทะโก  หิงสิ                           มา  มัง  หิงสิ  ทิปาทะโก
มา  มัง  จะตุปปะโท  หิงสิ                          มา  มัง  หิงสิ  พะหุปปะโท
สัพเพ  สัตตา  สัพเพ  ปาณา....                    สัพเพ  ภูตา  จะ  เกวะลา.
สัพเพ  ภัทรานิ  ปัสสันตุ                             มา  กิญจิ  ปาปะมาคะมา
อัปปะมาโณ  พุทโธ                                   อัปปะมาโณ  ธัมโม
อัปปะมาโณ  สังโฆ                                    ปะมาณะวันตานิ  สิริงสะปานิ
อะหิ  วิจฉิกา  สะตะปะที                            อุณณานาภี  สะระพู  มูสิกา
กะตา  เม  รักขา  กะตา  เม  ปะริตตา           ปะฏิกกะมันตุ  ภูตานิ
โสหัง  นะโม  ภะคะวะโต                            นะโม  สัตตันนัง  สัมมาสัมพุทธานัง


เห็นว่าหลาน ไข้ขึ้น เพราะเป็นอีสุกอีใส เลยพลอยนึกถึงบทนี้ขึ้นมาซะงั้น ได้มาจาก อาจารย์แพรภัทร สาระสำคัญคือการแผ่เมตตา ซึ่ง ต้องอาศัยบารมีของพระรัตนตรัย พระคุณแห่งมารดา-บิดาผู้บังเกิดเกล้าและปฐมบรมครู มาเป็นพื้นฐาน แล้วแผ่เมตตาไป

การเริ่มด้วย นโมฯ ไตรสรณคมน์ พร้อมๆกับระลึกถึงพระคุณแม่-พ่อ ตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้ดี สักชั่วขณะหนึ่ง ก็ยังดีกว่าไม่มีศีลเลย แล้วทำใจให้พอสงบ จึงสวดบทนี้ไปช้าๆ เรื่อยๆ  อย่างนี้สมควรที่จะได้ผลอยู่บ้าง

ขอขอบคุณท่านเจ้าของ url ที่ได้อ้างอิงไว้นั้น ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

No comments:


View My Stats