Friday, April 13, 2012

ชีวิต และ คุณค่า


ในยามนี้ จึงพิสูจน์ความแน่วแน่ มั่นคงของจิตใจคน แน่วแน่ มั่นคงในพระรัตนตรัย
ความเป็นอยู่ ที่เรียบง่าย ไม่เบียดเบียนผู้อื่น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ล่วงละเมิดสิ่งรักสิ่งหวง มีคำพูดไม่ระคายเคืองหูเคืองใจ รู้จักรักษาสติให้อยู่กับตัว

เท่านี้ น่าจะทำได้ หากจะมีส่วนเพิ่ม หรือ ความวิเศษ เพิ่มขึ้นมา ย่อมสามารถมีขึ้นมาได้ จากความเรียบง่ายนั้น แม้จะยาก แม้จะต้องพากเพียร แต่.... มีได้แน่

ในวัยเด็ก ที่ซึ่งบ้านยังคงมีป่า ก็ได้อาศัยป่า เก็บเกี่ยวอาหารมาเลี้ยงชีพ
ในวัยที่คล้ายๆเด็ก (คนแก่ก็ไม่ต่างจากเด็ก (แต่ยังไม่แก่ เลยแค่ คล้ายๆ)) รอบบ้านปลูกผัก ปลูกไม้เอาไว้กิน หลายวันที่ไม่ต้องใช้เงินเลย แต่ อิ่มอาหารให้ร่างกายทรงอยู่ได้

แล้ว เงิน เราเอามาทำไมกัน

ก็แต่ในบ้านนี้แหละ มีกล้วยอยู่ แตกเหง้ามาหลายพอให้ล้มลงมาเอากาบกล้วย เอาใบตอง ไปใช้ประโยชน์
มีคนมาเก็บเอาพวกยอดตำลึงบ้าง ยอดอ่อนชะอมบ้าง ผักบุ้งบ้าง ผักสามสาว(โหระพา กะเพรา แมงลัก) เอาไปมัดรวมๆกัน โดยเอากาบกล้วยมาหนีบไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่า ไปได้ตอกมาจากไหน

ปริมาณผัก ที่มาเด็ด มาเก็บเอาไปนั้น หากกิน ก็ หลายมื้ออยู่สำหรับครอบครัวหนึ่ง

เอาไปขายที่ตลาดซะงั้น

คงเดาออกน่ะว่า ได้ตังไม่ถึงร้อยบาทหรอก ต่อให้ผักมันแพงแค่ไหนก็เหอะ เราไม่ใช่แม่ค้าประจำ นานๆ เอาผักพวกนี้ไปขายที พวกก็กดราคาจนแทบ จะเอาผักฟาดกบาลมันให้แยกแตกไป ก็รำๆอยู่แหละ

หลาน มันร้องจะกินไอติม
ไอติมถ้วยนึง ๒๕ บาท เงินที่ขายผักมา ได้แค่ไอติม

ลองย้อนกลับไปคิดดูว่า ถ้าประกอบอาหารกินกันพอให้อยู่รอดซะ มันก็รอด แต่ถ้าริเอาไปขายซะ เงินสักเท่าไร กว่าจะเอาชีวิตรอดได้

คุณค่าของชีวิต อยู่ที่การรู้จักอยู่กับธรรมชาติ ไม่ใช่จำนวนเงินที่มี
คุณค่าของชีวิต อยู่ที่รู้จักข่มใจตัวเองไม่ให้ทำชั่ว ละชั่ว ทำดี ... มีธัมมะ

ธัมมะเท่านั้นที่จำแนกสัตว์ออกให้สูงต่ำจากกัน ทั้งในอดีต อนาคต และ ปัจจุบัน

No comments:


View My Stats