Sunday, February 13, 2011

รู้จากของจริง

ขอเล่าเรื่องย้อนหลังสักนิด
ก็เรื่องการไป เรียนจากของจริง ที่ เชียงใหม่-ลำพูน กันนั่นแหละ

เดวัน
เริ่มแรกทีเดียว ก็ วันแรกเดินทาง ที่ต้องให้มีเรื่องให้เล่าขานกันทุกเที่ยวไป มะไฟ เอง ออกจากบ้านราวๆ เจ็ดโมง โดยลืมไปว่า แจ้งวัฒนะนั้น สว่างไสวไปด้วยแสงไฟหน้ารถ เพราะรถติดมาก แปดโมง ยังคงอยู่ที่สี่แยกหลักสี่ เลยต้องแจ้งน้องอ้อฝเธอ แม้กระนั้น ก่อนขึ้นสะพานเข้าอาคารขาออก ยังไม่วายได้รับเรียก แต่พอบอก โลเคชั่น ไป เธอก็ว่า

ไม่เป็นไรค่ะ ยังมีอีกหนึ่งท่าน

ไปถึง ไม่ฟัง ไม่มองหาใครแล้ว เข้าแถว check in ทันที พอได้ยินเสียงประกาศจาก เค้าเตอร์ ว่าไปเชียงใหม่เก้าโมงห้ามาทางนี้ ก็รี่ไปทันควัน

เรียบร้อย

ออกมา เจอน้องนาง เธอลากไปหาเจ้าหน้าที่ทัวร์ ก็ต้องยกมือไหว้ ขอโทษพวกท่านทั้งหลาย เพราะเราผิดพลาดเอง ยอมรับความจริงเสียก็จบเรื่อง และ จากการสนทนาทำให้ทราบว่า อีกท่านที่ยังรอกันอยู่นั้น คือ ต๋อง เพทาย ศรีอุทัย พอได้เวลาขึ้นเครื่อง เห็นชื่อเครื่องถึงได้ถึงบางอ้อ

si sa ket

ชื่อเครื่อง ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ มักจะสนใจแต่เที่ยวบิน สายการบินอะไรทำนองนั้น โดยลืมไปว่า ชื่อเครื่อง มันมากับตัวเครื่อง แต่ ชื่อเที่ยวบิน มันไม่ fixed หรอก ชื่อนี้แหละ คือคำตอบว่า ทำไมเจ้าต๋องถึงได้มาช้า ถ้าไปถามมัน มันคงตอบว่า

ก็เครื่องบินของกู กูจะออกเมื่อไหร่ก็ได้นี่หว่า จะมาว่ามาช้ามาไวทำไม

ต๋อง เป็นคน ศรีสะเกษ ครับ

เราจับ si sa ket จากดอนเมืองไปถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ในวันที่ ๗ กพ


ถึงท่าอากาศยานนครพิงค์ หรือเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ น้องส้ม เธอมาต้อนขึ้นรถตู้ คันที่ มะไฟ ขึ้น มีว่างอยู่ ไม่ยักกะมีคนมาขึ้นด้วย ดูขำดี แต่ก็เป้นแต่สมาชิกในกลุ่มทำรายงานด้วยกัน ที่นั่งมา

พระบรมธาตุ วัดสวนดอก
ไปวัดสวนดอก ไปดูหงษ์ พระวิหารหงษ์ ไปไหว้พระเจ้าเก้าตื้อ ไปชม กู่ เจ้านายฝ่ายเหนือ ไปชมบ้านฝาไหล และ ไหว้พระบรมธาตุ แล้วเข้าไปหากินอาหารเที่ยงกันที่ กาแล

อากาศดี้ดี ดีมากมาก อิ่ม สวย อร่อย

สาวเชียงใหม่ ที่มาแต่งกับแม้วดอยปุย
เรือนหอ
เราขึ้นไปดอยปุย ไปดูแม้ว ที่ขายของเลี้ยงสาวเชียงใหม่นั่นแหละ ก็เตือนใจหนุ่มๆน่ะ ไปจีบเขาแล้ว ก็ให้รีบขอ อย่าไปแล้ว หายแซ้บหายสอย ไม่งั้นเจ้าหล่อนจะไปแต่งกับแม้ว ที่อยู่ด๋อยปุย ซะให้สิ้นเรื่อง สิ้นราวไป

เสียดายแย่

เงินแท้
พอแดดร่ม ลมสะพัดโชยเบาๆ เจ้าสาวของแม้วดอยปุยรึเปล่า ไม่แน่ใจ แต่เธอว่า ขึ้นทัวร์เมื่อไหร่ก็โสด พาพวกเราลงมาสักการะ นมัสการ ไหว้ หรือ กราบ หรือ บูชา ก็ตามแต่ศรัทธาของแต่ละคน

พระบรมธาตุดอยสุเทพ

ท้าให้นับบรรไดด้วยว่ามีกี่ ซี่

ฮาฮา ถ้าว่ากี่ซี่ มันก็ ๓๒ นั่นแหละ แต่ถ้าว่ากี่ขั้น มันต้องนับ ยังงี้ มันต้องนับ

คน si sa ket

ค่ำคืนนั้น หลังจากกราบหมอนในห้องพักแล้ว อาบน้ำพอให้หายเพลีย เขาก็พาไป เฮือนสุนทรี กัน กินกันจนอิ่มแปร้ ไม่เคยกินได้มากขนาดนั้น
กินแล้วก็หยิบมือถือมาดู ว่าเมื่อไหร่ ไหม จะเรียกเข้ามา เพราะเธอมาหาหมอ หมอที่ผ่าหัวเธอนั่นแหละ นัดเธอวันอังคารที่ ๘ แต่ มะไฟ ต้องไปลำพูนในวันนั้น เพียงแต่ค่ำวันที่ ๗ เธอมาพักกับเพื่อน

ยกเท่าไหร่ๆ ไหม ก็ไม่มา

จนพวกเรา ทั้งกลุ่ม พรูกันออกมานั่นแหละ มะไฟ เห็นนางไม้ตรงซุ้มประตูทางเข้า เฮือนสุนทรี เลยไปลองกล้องถ่ายรูป กดแชะๆ ไหม ถึงได้เข้ามาทัก
เข้าไปอีกหน กับ ไหม มาส
ขอบใจน่ะ นางไม้แสนงาม
.....นางไม้แม่เอย ใยเฉยให้ช้ำวิญญา นวลน้องไม่มา ยิ่งพาอุราระทม....

นับว่า โชคดีไม่น้อย ที่มีโอกาสทั้งพบหน้า ได้ยินเสียงจริง ตัวจริงของ สุนทรี เจ้าเฮือน ที่แม้จะอยู่ห่างมาก แต่กล้องน้อย ก็ทำหน้าที่เขาได้เต็มที่แล้ว ขอบใจน่ะ เพื่อนยาก

เจ้าเฮือน เฮือนสุนทรี
จับแท้กซี่เฉพาะกาลไปยังที่พัก
จบเดวัน


Love at First Flight

No comments:


View My Stats